เผยเสป็คและราคา FORD EVEREST MINORCHANGE 2018 มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.0 TURBO

7 ปีที่ผ่านมา

โดย เจ้าของร้าน

เผยเสป็คและราคา FORD EVEREST MINORCHANGE 2018 มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.0 TURBO

ถือว่าเป็นรถแนว PPV ที่มีจุดเด่นเรื่องของรูปลักษณ์ที่ดูดุดัน บึกบึน และมี OPTION ที่ค่อนข้างทันสมัยและให้มาครบครัน FORD EVEREST MINOR CHANGE 2018 ที่กำลังจะมาถึงนั้นเสป็คอย่างไรและราคาเท่าไหร่บ้างลองมาดูกัน

สิ่งที่แตกต่างจากรุ่นเดิมอย่างชัดเจนคือเรื่องของเครื่องยนต์ จากรุ่นเดิม 2.2 เปลี่ยนมาเป็น Diesel 2.0 EcoBlue Turbo และ รุ่นเครื่องยนต์ 3.2 เปลี่ยนมาเป็น Diesel 2.0 EcoBlue BI TURBO

Diesel 2.0 EcoBlue Turbo

เครื่องยนต์ดีเซล EcoBlue TDCi 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร 1,996 ซีซี. พ่วงเทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ กำลังสูงสุด 180 แรงม้า (PS) ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ พร้อมปุ่มเปลี่ยนเกียร์ Manual Mode + – ที่หัวเกียร์ ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง

Diesel 2.0 EcoBlue BI TURBO

เครื่องยนต์ดีเซล EcoBlue TDCi 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร 1,996 ซีซี. พ่วงเทอร์โบคู่ (ทำงานร่วมกันระหว่าง High-Pressure (HP Turbo) เทอร์โบแรงดันสูง และ Low-Pressure (LP Turbo) เทอร์โบแรงดันต่ำ ควบคุมด้วยวาล์ว Bypass) กำลังสูงสุด 213 แรงม้า (PS) ที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,750 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ พร้อมปุ่มเปลี่ยนเกียร์ Manual Mode + – ที่หัวเกียร์ ขับเคลื่อน 4 ล้อ Full-time 4WD พร้อมระบบ Terrain Management System

ส่วนความแตกต่างที่เพิ่มขึ้นมาจากรุ่นเดิม

เพิ่ม รุ่นย่อยใหม่ รุ่นเริ่มต้น Trend 4×2 A/T
เปลี่ยน เครื่องยนต์ใหม่ ดีเซล 2.0 Turbo 180 แรงม้า แทนเครื่องยนต์ 2.2 เดิม
เปลี่ยน เครื่องยนต์ใหม่ ดีเซล 2.0 Bi-Turbo (เทอร์โบคู่) แทนเครื่องยนต์ 3.2 เดิม
เปลี่ยน เกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ลูกใหม่
เปลี่ยน Manual Mode + – จากการโยกคันเกียร์ เป็นการกดปุ่ม + – ที่หัวเกียร์
เปลี่ยน กระจังหน้าดีไซน์ใหม่
เปลี่ยน กันชนหน้าดีไซน์ใหม่
เปลี่ยน ล้ออัลลอย ขนาด 20 นิ้ว ลายใหม่ ในรุ่น Titanium+
เพิ่ม ระบบกุญแจอัจฉริยะ Smart Keyless Entry
เพิ่ม ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start Button
เพิ่ม ระบบเปิด-ปิด ฝาท้ายด้วยระบบไฟฟ้า โดยไม่ต้องใช้มือ (เตะเปิด) Hands-Free Tailgate
เพิ่ม ระบบตรวจจับลมยาง Tire Pressure Monitoring System
เพิ่ม ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน Emergency Assistance
เพิ่ม ระบบเบรกอัตโนมัติ ตรวจจับรถ และ คนเดินถนน AEB : Autonomous Emergency Braking โดยระบบเบรกอัตโนมัติ AEB จะใช้เรดาร์ และ กล้องด้านหน้ารถในการตรวจจับวัตถุด้านหน้า ทำงานเมื่อความเร็วมากกว่า 3.6 km/h (ปกติระบบเดิม เตือนการชนด้านหน้า Forward Collision Warning System จะทำการส่งสัญญาณไฟ และ สัญญาณเสียงเตือนเท่านั้น ไม่ได้ช่วยเบรกอัตโนมัติ)

เปลี่ยน โทนสีตัวถังภายนอกใหม่ เป็นสีทอง Diffused Silver Metallic

ระบบความปลอดภัย และ ช่วยเหลือการขับขี่ Safety & Driving Assist

ระบบเบรก ABS / EBD / BA
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS
ระบบช่วยออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน HLA
ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC
ระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ Rollover Mitigation
ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่าง Adaptive Cruise Control
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง Lane Keeping System
ระบบเตือนการชนด้านหน้า Forward Collision Warning System
ระบบเบรกอัตโนมัติ ตรวจจับรถ และ คนเดินถนน AEB : Autonomous Emergency Braking
ระบบเปิดไฟสูงแบบอัตโนมัติ Auto High Beam Control
ระบบแจ้งอาการเหนื่อยล้าผู้ขับขี่ Driver Alert System
ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ Active Park Assist
ระบบตรวจจับรถในจุดบอด Blind Spot Information System
ระบบตรวจจับรถขณะออกจากช่องจอด Cross Traffic Alert
ระบบตรวจจับลมยาง Tire Pressure Monitoring System
ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน Emergency Assistance
ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง (คู่หน้า-ด้านข้าง-ม่านนิรภัย-หัวเข่าคนขับ)
เซนเซอร์กะระยะช่วยจอดด้านหน้า – ด้านหลัง
กล้องมองภาพขณะถอยจอด
ระบบกุญแจ Immobilizer
สัญญาณกันขโมย Burglar Alarm
จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX

ราคาอย่างเป็นทางการ

2.0 Turbo Trend 4×2 A/T 1,299,000 บาท
2.0 Turbo Titanium 4×2 A/T 1,439,000 บาท
2.0 Turbo Titanium+ 4×2 A/T 1,599,000 บาท
2.0 Bi-Turbo Titanium+ 4×4 A/T 1,799,000 บาท

ราคาปรับเพิ่มจากรุ่นเดิม 30,000 – 70,000 บาท เพิ่มรุ่นย่อยใหม่ รุ่นเริ่มต้น Trend 4×2 A/T * ราคารถพร้อม ” ฟรีค่าแรง ” เช็คระยะนาน 5 ปี หรือ 75,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน

ส่วนสีตัวถังภายนอก มีให้เลือก 6 สี มีสีทองใหม่เพิ่มมา 1 สี